มุมมองต่าง ๆ ของ การทำให้เป็นประชาธิปไตย

นักรัฐศาสตร์-เศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน ศ. ดร. ฟรานซิส ฟุกุยะมะ ได้เขียนบทความเรื่องการเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยที่คลาสสิกอีกงานหนึ่งในชื่อเรื่อง อวสารประวัติศาสตร์และมนุษย์คนสุดท้าย (The End of History and the Last Man) ซึ่งกล่าวถึงการเกิดขึ้นของประชาธิปไตยเสรีนิยมว่าเป็นรูปแบบการปกครองสุดท้ายของมนุษย์แต่ก็มีผู้อ้างว่า การขยายปฏิรูปเศรษฐกิจให้เสรี มีผลผสมผเสต่อการเปลี่ยนเป็นประชาธิไตยคืออ้างว่า จากหลาย ๆ มุมมอง สถาบันทางประชาธิปไตยต่าง ๆ ถูกจำกัดหรือถูกขังไว้เพื่อประโยชน์ของตลาดทุนนานาชาติ หรือเพื่ออำนวยการค้าขายทั่วโลก[39]

ส่วนนักรัฐศาสตร์ชาวอเมริกัน ศ. ดร. ซามูเอล ฮันติงตัน ได้เขียนหนังสือชื่อว่า คลื่นลูกที่ 3 - การเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 (The Third Wave: Democratization in the Late 20th century)ซึ่งเขากำหนดคลื่นการเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย 3 ลูกที่เกิดในประวัติศาสตร์[40]คลื่นลูกแรกนำประชาธิปไตยมาสู่ยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือในคริสต์ทศวรรษที่ 19แล้วตามด้วยการเกิดระบอบเผด็จการช่วงในระหว่างสงครามโลกทั้ง 2ลูกที่สองเกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่หมดพลังลงช่วงระหว่าง ค.ศ. 1962 กับกลางคริสต์ทศวรรษ 1970คลื่นล่าสุดเริ่มที่ปี ค.ศ. 1974 (พ.ศ. 2517) และยังดำเนินไปอยู่การเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยในละตินอเมริกาและกลุ่มตะวันออก (Eastern Bloc) เป็นส่วนของคลื่นลูกที่สามนี้

ตัวอย่างที่ดีของเขตที่ผ่านคลื่นทั้งสามก็คือตะวันออกกลางในคริสต์ศตวรรษที่ 15 เขตนี้เป็นส่วนของจักรวรรดิออตโตมันในศตวรรษที่ 19 "เมื่อจักรวรรดิออตโตมันล้มลงในที่สุด ... ช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพชาวตะวันตกในที่สุดก็ได้เข้าไปยึดครองเขต"[41]นี่เป็นทั้งการขยายอาณาเขตของชาวยุโรป และเป็นการสร้างประเทศเพื่อเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยด้วย

แต่ก็มีนักวิชาการที่อ้างว่า "การแบ่งกลุ่มชาติพันธุ์ ... เป็น (อุปสรรค) ที่ขวางความพยายามของสหรัฐเพื่อเปลี่ยนอิรักให้เป็นประชาธิปไตย"ซึ่งแสดงปัญหาที่น่าสนใจในเรื่องการรวมปัจจัยต่างชาติและภายในประเทศในกระบวนการเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย[42]นอกจากนั้นแล้ว ศ. ดร. เอ็ดวาร์ด เซด ยังกล่าวตำหนิความรู้สึกที่เป็นของคนตะวันตกโดยมากว่ามี "ความเข้ากันไม่ได้โดยธรรมชาติระหว่างค่านิยมทางประชาธิปไตยกับอิสลาม" ว่าเป็น "orientalist" คือเป็นไปตามความรู้สึกปรามาสและเรื่องที่ไม่เป็นจริงเกี่ยวกับ "คนตะวันออก"เขาเสนอเหตุผลว่า "ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือยังไม่มีปัจจัยที่ต้องมีก่อนการเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย" (ไม่ใช่เพราะเข้ากันไม่ได้กับอิสลาม)

ส่วนนักข่าวผู้ชำนาญเรื่องการปกครองคนหนึ่ง ได้ตรวจสอบเรื่องความมั่นคงที่การโปรโหมดประชาธิปไตยช่วยเสริมสร้าง แล้วชี้ความสัมพันธ์ระหว่างระดับประชาธิปไตยกับระดับการก่อการร้ายในประเทศแม้จะเป็นเรื่องที่ยอมรับว่า ความยากจนในประเทศมุสลิมเป็นเหตุแนวหน้าในการก่อการร้ายที่เพิ่มขึ้น นักข่าวก็ให้ข้อสังเกตว่า ผู้ก่อการร้ายหลักในเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 เป็นคนชั้นกลางหรือคนชั้นสูงเขาเสนอว่า สังคมที่ผู้ก่อการร้ายของอัลกออิดะฮ์ใช้ชีวิต มักเป็นที่หาเงินได้ง่าย ๆ (เช่นจากน้ำมัน) และดังนั้นจึงไม่มีแรงจูงใจให้พัฒนาทางเศรษฐกิจหรือการเมือง[43]เมื่อมีโอกาสมีส่วนร่วมทางการเมืองน้อยเยาวชนชาวอาหรับจึงได้ถูกล่อให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมอื่น ๆ เช่นในลัทธิต้นคัมภีร์อิสลาม (Islamic fundamentalism) การเจริญขึ้นของลัทธิต้นคัมภีร์อิสลาม และความรุนแรงที่เป็นผลในเหตุการณ์ 9/11 แสดงความต้องการมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยธรรมชาติและรัฐบาลประชาธิปไตยหรือที่มีกระบวนการทางประชาธิปไตย (เช่น การเปิดให้มีส่วนร่วมทางการเมือง) เป็นลานประชาคมที่จำเป็นเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง

ผู้ออกความเห็นคนหนึ่ง (Larry Pardy) ให้ข้อสังเกตว่า รัฐบาลมีแรงจูงใจเพื่อจะรักษาอำนาจโดยมีปัจจัยสองอย่าง คือ ความชอบธรรมและวิถีทางความชอบธรรมของรัฐบาลประชาธิปไตยจะได้จากการยอมรับของประชาชนผ่านการเลือกตั้งที่ยุติธรรมและเปิดเผย และวิถีทางด้านการเงินจะมาจากแหล่งภาษีที่สมบูรณ์อันเกิดจากเศรษฐกิจที่ดีโดยความสำเร็จทางเศรษฐกิจก็จะมาจากเศรษฐกิจแบบตลาดเสรีที่มีองค์ประกอบดังต่อไปนี้ คือ สิทธิในทรัพย์สิน ฝ่ายตุลาการที่ยุติธรรมและเป็นอิสระ ความมั่นคง และหลักนิติธรรมอนึ่ง องค์ประกอบหลักที่สนับสนุนเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ก็ยังสืบไปยังสิทธิพื้นฐานของปัจเจกบุคคลอีกด้วยในนัยตรงข้าม เมื่อรัฐบาลสามารถกดขี่คู่แข่งทางการเมือง ก็จะไม่มีหลักนิติธรรม และเมื่อความมั่งคั่งสามารถยึดได้ตามใจชอบ ก็จะไม่มีสิทธิทางทรัพย์สิน

ตามนักวิชาการกลุ่มหนึ่ง แบบจำลอง "ทางออก การมีเสียง และความจงรักภักดี (exit, voice, and loyalty model)" แสดงว่า ถ้าประชาชนสามารถมีทางออกไม่อยู่ใต้อาณัติของรัฐบาล ก็จะมีโอกาสเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยสูงกว่าคือ รัฐบาลอาจจะมีอำนาจอธิปไตยเหนือประชากรที่มีทางออกต่าง ๆ ได้ยาก[44]และการออกไม่ใช่เป็นเพียงแค่ออกจากอาณาเขตของรัฐที่มีแต่บีบบังคับแต่หมายเอาการตอบสนองปรับตัวที่ทำให้รัฐลำบากในการอ้างอำนาจอธิปไตยเหนือตนมากขึ้นรวมทั้งการปลูกพืชที่รัฐไม่สามารถนับได้ (และไม่สามารถเก็บภาษี) หรือเลี้ยงสัตว์ที่นำไปที่อื่นได้ง่ายกว่า

จริง ๆ แล้วกำเนิดของรัฐก็เป็นผลของการปรับตัวของมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อม และของการเลือกว่าจะอยู่หรือจะออกจากบริเวณนั้น[44]ถ้าประชาชนมีอิสรภาพในการย้ายที่ แบบจำลองนี้พยากรณ์ว่า รัฐจะต้องเป็นตัวแทนของประชาชนเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนไปที่อื่น[45]ดังนั้น ถ้าบุคคลมีทางออกที่เป็นไปได้โดยไม่ต้องอยู่ใต้อาณัติของรัฐบาล ก็จะสามารถจำกัดพฤติกรรมตามอำเภอใจของรัฐบาลเพราะสามารถขู่ด้วยการเลือกทางออกได้[45]

ประชาธิปไตยที่คงยืนเป็นเรื่องที่ยิ่งกว่าการเลือกตั้งที่ยุติธรรมและโปร่งใสมันต้องอาศัยพื้นฐานที่หนักแน่นของเสรีภาพทางเศรษฐกิจและทางการเมือง ที่ประชาชนในประเทศตะวันตกต้องแคะงัดจากรัฐบาลด้วยความยากลำบากเป็นศตวรรษ ๆโดยเริ่มอย่างช้าก็ตั้งแต่ปี พ.ศ. 1758 เมื่อพระเจ้าจอห์นทรงยอมรับข้อจำกัดต่อพระอำนาจ คือทรงยอมให้ประชาชนมีสิทธิตามมหากฎบัตรสมัยนั้นก็ดี แม้แต่สมัยนี้ก็ดี รัฐบาลจะมีแรงจูงใจสนับสนุนสิทธิเสรีภาพก็ต่อเมื่อมันมีผลโดยตรงต่อการรักษาและใช้อำนาจของรัฐบาลมันไม่ได้เกิดจากแนวคิดอุดมคติเกี่ยวกับประชาธิปไตยและเสรีภาพ จากการมีสัญญาโดยนัยกับประชาชน จากการเคี่ยวเข็ญของประเทศที่เป็นผู้บริจาค หรือการป่าวประกาศขององค์กรนานาชาติ

ตามนักวิชาการท่านหนึ่ง ดร. ฟุกุยะมะถูกแล้วในคำกล่าวถึงอวสานแห่งประวัติศาสตร์ เพราะประชาธิปไตยเสรีนิยมที่มีในประเทศตะวันตก เป็นที่สุดของวิวัฒนาการทางอุดมคติของมนุษย์เป็นกลไกที่ระบบตลาดเสรีสามารถจัดสรรปันส่วนทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพโดยพึ่งอาศัยซึ่งกันและกันกับระบอบประชาธิปไตยรัฐบาลจะมีแรงจูงใจปกป้องเศรษฐกิจ ในขณะที่มูลฐานของเศรษฐกิจเช่นนั้นก็จะสร้างปัจจัยของความเป็นประชาธิปไตย[46]

ใกล้เคียง

การทำให้เป็นประชาธิปไตย การทำลายเขื่อนกาคอว์กา การทำงานในสมองกับการเข้าสมาธิ การทำฝนเทียม การทำแผนที่ การทำให้ไว การทำฝันวัยเด็กของคุณให้เป็นจริงได้อย่างแท้จริง การทำเครื่องหมายกางเขน การทำลายล้างวัตถุระเบิด การทำลายป่า

แหล่งที่มา

WikiPedia: การทำให้เป็นประชาธิปไตย http://www.amazon.com/Dawn-Brancati/e/B002FYDWAE/r... http://mocoloco.com/the-democratization-of-design/ http://jcr.sagepub.com/content/60/1/164 http://jcr.sagepub.com/content/60/4/694 http://jcr.sagepub.com/content/early/2015/07/29/00... http://rap.sagepub.com/content/2/4/205316801561336... http://ssrn.com/abstract=1319792 http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/ajps.12... http://www.uni-bielefeld.de/cias/wiki/d_Democratiz... http://projects.iq.harvard.edu/files/pegroup/files...